ไม่มี Backup = ไม่มีวันกู้คืน ไฟไหม้ G-Drive ระบบเก็บข้อมูลภาครัฐของเกาหลีใต้ ข้อมูลหายไปถึง 858 TB!

เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่ศูนย์บริการทรัพยากรสารสนเทศแห่งชาติ (NIRS) เมืองแดจอน สาธารณรัฐเกาหลีใต้ เมื่อ 26 กันยายน 2025 กลายเป็น “กรณีศึกษาแห่งปี” ของ Data Resilience เพราะทำให้ระบบคลาวด์กลางภาครัฐเกาหลีใต้หรือ G-Drive ถูกทำลายทั้งระบบ ข้อมูลงานราชการหายวับกว่า 858 TB และที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือระบบนี้ไม่มีการสำรองข้อมูล (backup) นอกศูนย์อื่นเลย

 

---

 

ภาพรวมเหตุการณ์และขอบเขตความเสียหาย

G-Drive เป็นพื้นที่กลางสำหรับข้าราชการกว่า 125,000 คน จาก 74 กระทรวง ซึ่งได้รับพื้นที่ใช้งานคนละราว 30 GB เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ทำลายเนื้อหารวม 858 TB เทียบได้กับกระดาษ A4 ประมาณ 449,500 ล้านแผ่น เอกสารการประชุม เอกสารส่งรัฐสภา ไปจนถึงข้อมูลด้านบุคคลและการกำกับวินัย อาจสูญหายย้อนหลังได้นานถึง 8 ปี ขณะที่หน่วยงาน Ministry of Personnel Management ได้รับผลกระทบเต็มแรงจนงานหยุดชะงัก  

 

 

---

 

สาเหตุและข้อเท็จจริงที่ควรรู้ ณ ตอนนี้

แหล่งข่าวท้องถิ่นรายงานว่าต้นเหตุอาจเกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ภายในศูนย์ข้อมูล แม้การสอบสวนยังคงดำเนินอยู่ และมีเสียงสะท้อนจากฝ่ายการเมืองว่า “ความประมาท” คือปัจจัยหลัก สิ่งที่ชี้ชัดในเชิงนโยบายคือ ระบบสำคัญอย่าง G-Drive ไม่มีสำรองข้อมูล ขณะที่ระบบอื่นใน NIRS 95 ระบบมี backup และทยอยกู้คืนได้บางส่วน ณ 4 ตุลาคม 2025 รายงานการกู้คืนทำได้เพียง 115 จาก 647 ระบบ หรือราว 17.8% เท่านั้น

 

 

---

 

ผลกระทบต่อความต่อเนื่องทางราชการและสังคม

การขาดแผนสำรองสำหรับระบบกลาง ทำให้กระบวนงานกับรัฐสภาในเดือนตุลาคม 2025 เสี่ยงสะดุด การสืบค้นหลักฐานทางเอกสารทำได้จำกัด และการกู้คืนต้องอาศัยการย้ายงานไปยังศูนย์อื่นซึ่งใช้เวลานานกว่า 4 สัปดาห์ ความกดดันสะสมยังสะท้อนผ่านโศกนาฏกรรมของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบงานกู้ระบบ ซึ่งชี้ให้เห็นภาระด้านมนุษย์ที่มากับเหตุ Data Disaster ในระดับประเทศ

 

   

---

 

บทเรียน: Cloud ไม่เท่ากับ Backup และ “ไม่มี Backup = ไม่มีวันกู้คืน”

คลาวด์ให้ความสะดวกด้านการเข้าถึงและกำกับสิทธิ์ แต่ไม่ได้รับประกันการอยู่รอดของข้อมูลจากเหตุเพลิงไหม้ น้ำท่วม ไฟดับยาว หรือความผิดพลาดเชิงโครงสร้าง การมีเพียงสำเนาเดียวใน Data Center เดียว คือช่องโหว่เชิงนโยบายที่ทำให้การกู้คืนข้อมูลในระบบเป็นไปไม่ได้ หลักที่ควรยึดถือในทุกองค์กรคือการแยกสำรองข้อมูลหลายรูปแบบ และหลายสถานที่ พร้อมทดสอบกู้คืนจริงอย่างสม่ำเสมอ

 

---

 

แนวทางสำรองข้อมูลด้วย Veeam: ป้องกันก่อน กู้คืนไว ออกแบบเพื่อ Multi-Site 

สำหรับองค์กรที่ใช้ Virtualization แบบ VMware/Hyper-V และมีงานบน Physical หรือ Cloud ผสมกัน Veeam Backup & Replication ช่วยออกแบบแผน 3-2-1 ได้ครบในระบบเดียว ตั้งค่า Backup Copy ไปยัง Offsite/Cloud ได้ทันที และทำ Replication ระดับ VM เพื่อ RTO/RPO ที่สั้นเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้หรือไฟดับยาว เมื่อเชื่อมกับ Immutable Repository เช่น Object Storage แบบ WORM ยังลดความเสี่ยงจากการลบหรือเข้ารหัสโดยเจตนาร้าย กรณีระบบใหญ่ระดับรัฐ การวาง Repository หลายภูมิภาคและตั้ง Schedule แบบ Staggered ทำให้มั่นใจว่ามีจุดกู้ล่าสุดที่ “รอด” เสมอ

 

 

---

 

แนวทางสำรองข้อมูลด้วย Nakivo: คุ้มค่า เรียบง่าย ครอบคลุม VM-Physical-Cloud

Nakivo Backup & Replication เป็นอีกทางเลือกที่เน้นความคุ้มค่าและภาพรวมการจัดการที่เข้าใจง่าย เหมาะกับสภาพแวดล้อม VMware/Hyper-V/Nutanix AHV รองรับ Backup Repository หลายปลายทาง ทำ Backup Copy ข้ามไซต์ ตั้งงาน Replication และทำ Instant Recovery ได้รวดเร็ว ในองค์กรที่ต้องการยกระดับจาก “สำเนาเดียวในไซต์เดียว” สู่การมี Offsite/Cloud Copy แบบอัตโนมัติ Nakivo ช่วยให้เริ่มต้นได้ไวและควบคุมต้นทุนได้ชัดเจน

 

 

---

 

แผนปฏิบัติการที่แนะนำสำหรับองค์กรไทย

เริ่มจากการจำแนกระบบสำคัญ (Tier 0/1) กำหนด RTO/RPO ตามภารกิจ แล้วออกแบบนโยบาย 3-2-1 ที่มี Offsite อย่างน้อย 1 ชุด แล้ววางตาราง Full/Incremental ให้เหมาะกับหน้าต่างเวลาทำงานจริง เปิดใช้ Immutable หรือ Air-gapped Repository กับข้อมูลวิกฤต รวมทั้งทดสอบกู้คืนรายไตรมาสในรูปแบบ “Table-top + Live Restore” และบันทึกผลเพื่อปรับแต่งรอบถัดไป เป้าหมายไม่ใช่เพียงการมีไฟล์สำรอง แต่คือ “การกลับมาทำงานได้จริง” ภายในเวลาที่เกิดวิกฤติ

 

---

 

Reference

ผู้จัดการออนไลน์. (2025, ตุลาคม 6). ไฟไหม้ G-Drive ระเบิดข้อมูลเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ 125,000 คน วอดไม่เหลือซาก. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2025 จาก https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9680000095568