BYOD หมายถึงการนำอุปกรณ์ส่วนตัวของพนักงาน เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ส่วนตัว แล็ปท็อป หรือยูเอสบีไดรฟ์ มาเชื่อมต่อกับเครือข่ายขององค์กรเพื่อทำงาน ซึ่งอาจมีข้อมูลที่เป็นความลับหรือมีความเสี่ยงในการเปิดเผย หากไม่ได้รับการจัดการที่ดี อย่างไรก็ตาม BYOD ช่วยให้พนักงานสามารถใช้เครื่องมือที่คุ้นเคยและสะดวกในการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายขององค์กรในระยะยาว การทำงานของ BYOD BYOD ช่วยให้พนักงานมีความยืดหยุ่นและสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากมีการตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ส่วนตัวกับเครือข่ายขององค์กร โดยจะต้อง: ตั้งระบบรักษาความปลอดภัย: ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและการเข้ารหัสข้อมูลบนอุปกรณ์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อ กำหนดข้อมูลที่สามารถเก็บบนอุปกรณ์ได้: กำหนดว่าข้อมูลใดที่สามารถเก็บบนอุปกรณ์ได้หรือไม่ ติดตั้งเครื่องมือรักษาความปลอดภัย: ติดตั้งซอฟต์แวร์จัดการข้อมูลหรือเครื่องมือรักษาความปลอดภัยบนอุปกรณ์ BYOD จำกัดเวลาในการล็อกอิน: กำหนดให้มีการล็อกเอาต์หลังจากเวลาที่กำหนดเพื่อป้องกันการโจมตี ลบข้อมูลที่ละเอียดออกจากอุปกรณ์: ตั้งระบบที่สามารถลบข้อมูลที่เป็นความลับได้ในกรณีที่จำเป็น ความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยใน BYOD การนำอุปกรณ์ส่วนตัวเข้ามาเชื่อมต่อกับเครือข่ายขององค์กร อาจทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยได้มากขึ้น เนื่องจากคุณไม่สามารถควบคุมได้ว่าใครจะเข้าถึงอุปกรณ์นั้น และการนำอุปกรณ์ออกจากสำนักงานทำให้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากไวรัสหรือมัลแวร์ที่อาจไม่สามารถตรวจจับได้ภายในเครือข่าย ข้อดีของ BYOD เทคโนโลยีที่ทันสมัย: องค์กรสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ทันที โดยไม่ต้องลงทุนในการอัพเกรดอุปกรณ์เอง ลดเวลาการฝึกอบรม: พนักงานสามารถใช้งานอุปกรณ์ที่คุ้นเคยได้ทันที ลดระยะเวลาการเรียนรู้ ประหยัดต้นทุน: องค์กรไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่หรือฝึกอบรมการใช้งานใหม่ ข้อเสียของ BYOD ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: อุปกรณ์ทุกชนิดที่พนักงานนำมาอาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ความยุ่งยากในการจัดการความปลอดภัย: อุปกรณ์ที่แตกต่างกันต้องใช้มาตรการความปลอดภัยที่แตกต่างกัน การเบี่ยงเบนความสนใจ: การใช้แอปพลิเคชันส่วนตัวอาจทำให้พนักงานเสียสมาธิจากการทำงาน วิธีการสนับสนุนนโยบาย...
Read More
03
Mar