รายงานคาดการณ์ Observability 2023

Observability

รายงานคาดการณ์ Observability 2023

การลงทุนในระบบสังเกตการณ์ (Observability) ไม่ใช่แค่ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจของคุณไปสู่ความมีประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความรุ่งโรจน์อย่างแท้จริง

2023 Observability Forecast” ซึ่งเป็นการศึกษาที่ใหญ่และครอบคลุมที่สุดในประเภทเดียวกัน เพิ่งเผยแพร่ออกมาแล้ว ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี 1,700 คนจาก 15 ประเทศ เสนอข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมการใช้ระบบสังเกตการณ์ของพวกเขาและผลกระทบต่อต้นทุนและรายได้ที่ดีขึ้น

ประเด็นสำคัญ 4 ข้อจากรายงาน ที่แสดงให้เห็นว่าผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ในระบบสังเกตการณ์นั้น ไม่เพียงแค่มีประโยชน์ แต่ยังจำเป็นอย่างยิ่ง

1 . Business value and ROI

ใจความสำคัญที่โดดเด่นจากรายงานปีนี้คือ มูลค่าทางธุรกิจที่จับต้องได้ของระบบสังเกตการณ์ องค์กรต่างๆ ไม่ได้มองระบบสังเกตการณ์เป็นแค่เทคโนโลยีอีกต่อไป แต่เห็นว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในการบรรลุเป้าหมายหลักทางธุรกิจ

ตัวเลขยืนยันชัดเจน! จากการสำรวจ พบว่าองค์กรต่าง ๆ ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในระบบสังเกตการณ์เฉลี่ย 2 เท่าต่อปี นั่นหมายความว่า สำหรับทุก ๆ 1 บาทที่ลงทุนไป องค์กรจะได้รับผลตอบแทน 2 บาทไม่เพียงแค่ผลตอบแทนที่น่าประทับใจ 86% ของผู้ตอบแบบสำรวจยืนยันถึงมูลค่าที่ได้รับจากการลงทุนในระบบสังเกตการณ์ ขณะที่ 41% รายงานว่าได้รับมูลค่ารวมเกิน 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี ผลตอบแทนจากการลงทุนนี้ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลข แต่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของระบบสังเกตการณ์ต่อธุรกิจ เทคโนโลยี และกระแสรายได้

หากไม่มีระบบสังเกตการณ์ องค์กรต่างๆ เสี่ยงต่อการเกิดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานที่สูงขึ้นและสูญเสียรายได้จำนวนมากจากการหยุดทำงาน การสำรวจเผยว่าประโยชน์หลักของระบบสังเกตการณ์ ได้แก่:

  • เพิ่มความคงอยู่และความน่าเชื่อถือของระบบ (40%) ช่วยลดการหยุดทำงานและเพิ่มความพร้อมใช้งานของระบบ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (38%) ระบุและแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น ทำให้ระบบทำงานได้ราบรื่นขึ้น
  • ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (27%) มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะได้รับบริการที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการได้ดียิ่งขึ้น

2 . The power of full-stack observability (พลังของระบบสังเกตการณ์แบบเต็มสแต็ก)

องค์กรต่าง ๆ กำลังเร่งดำเนินการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล และหนึ่งในวิธีการสำคัญคือ การติดตามการทำงานของระบบเทคโนโลยีทั้งหมดแบบครบวงจร (End-to-End Tech Stack Monitoring)

การติดตามเทคโนโลยีแบบเต็มสแต็กยังไม่แพร่หลาย: แม้ว่าการติดตามแบบเต็มสแต็กจะเป็นแนวทางที่สำคัญ แต่ปัจจุบันองค์กรส่วนใหญ่ยังไม่ได้นำมาใช้การเติบโตอย่างรวดเร็ว: อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยการใช้ระบบสังเกตการณ์แบบเต็มสแต็กเพิ่มขึ้นถึง 58% ต่อปีอนาคตที่สดใส: ภายในปี 2026 กลางปี คาดว่าองค์กรอย่างน้อย 82% จะติดตั้งความสามารถด้านสังเกตการณ์ทั้ง 17 แบบ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

การที่องค์กรต่างๆ นิยมใช้ระบบสังเกตการณ์แบบเต็มสแต็กอย่างรวดเร็ว น่าจะเกี่ยวข้องกับมูลค่าที่ปลดล็อคออกมา ยิ่งองค์กรติดตั้งความสามารถมากเท่าไหร่ มูลค่าที่ได้รับจากระบบสังเกตการณ์ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น องค์กรที่มีการติดตั้งความสามารถ 5 อย่างขึ้นไป มีแนวโน้มสูงกว่า 82% ที่จะรายงานว่าได้รับมูลค่าเกิน 1 ล้านดอลลาร์ต่อปีจากการลงทุนในระบบสังเกตการณ์

องค์กรที่บรรลุระบบสังเกตการณ์แบบเต็มสแต็กจะเห็นการปรับปรุงในตัวชี้วัดระดับบริการ (Service-Level Metrics) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Mean Time to Resolution (MTTR) และ Mean Time to Detection (MTTD)ตรวจจับเหตุการณ์เร็วขึ้น: องค์กรที่มีความสามารถด้านสังเกตการณ์ 5 อย่างขึ้นไปมีแนวโน้มสูงกว่า 40% ที่จะตรวจพบเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจรุนแรงภายใน 30 นาที เมื่อเทียบกับองค์กรที่มีความสามารถ 1-4 อย่างแก้ไขปัญหาเร็วขึ้น: องค์กรที่ใช้ระบบสังเกตการณ์แบบเต็มสแต็กมีค่ากลางของต้นทุนการหยุดทำงานอยู่ที่ 6.17 ล้านดอลลาร์ต่อปี เทียบกับ 9.83 ล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับองค์กรที่ไม่มีระบบสังเกตการณ์แบบเต็มสแต็ก ซึ่งหมายถึงการประหยัดต้นทุน 3.66 ล้านดอลลาร์ต่อปี

3 . Boosting performance and productivity

การเพิ่มความสามารถในการทำงานได้ดีธุรกิจต่างๆ กำลังหันมาพึ่งพา “ระบบสังเกตการณ์” มากขึ้น เพื่อ

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: ระบบสังเกตการณ์ช่วยให้ติดตามและปรับปรุงกระบวนการต่างๆ เพื่อลดความสูญเปล่า เพิ่มความราบรื่น และส่งผลให้ทำงานได้เร็วขึ้น
  • ขับเคลื่อนนวัตกรรม: ด้วยการมองเห็นการทำงานของระบบอย่างครบถ้วน บริษัทสามารถระบุโอกาสในการพัฒนา ปรับปรุง และสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
  • เพิ่มความคล่องตัว: ระบบสังเกตการณ์ช่วยให้ปรับตัวตามสถานการณ์และความต้องการของลูกค้าได้ทันที ทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
  • มอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ยอดเยี่ยม: ด้วยการติดตามและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว บริษัทสามารถมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ไร้รอยต่อและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

สำหรับผู้ปฏิบัติงาน ระบบสังเกตการณ์เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มผลผลิต ช่วยให้ตรวจจับและแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น

  • ผู้ปฏิบัติงานเกือบครึ่ง (46%) กล่าวว่าระบบสังเกตการณ์ช่วยเพิ่มผลผลิตของพวกเขา ทำให้พวกเขาสามารถค้นหาและแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น

สำหรับผู้ตัดสินใจด้านไอที (ITDMs) ระบบสังเกตการณ์เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้บรรลุทั้งตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (KPIs) ด้านเทคนิคและธุรกิจ

  • ประมาณหนึ่งในสาม (35%) ของ ITDMs กล่าวว่าระบบสังเกตการณ์ช่วยให้พวกเขาบรรลุ KPIs ด้านเทคนิคและ/หรือ KPIs ด้านธุรกิจ (31%)

4 . The high cost of ignoring observability

การนำระบบสังเกตการณ์มาใช้นั้นให้ประโยชน์ชัดเจน แต่ถ้าหากองค์กรละเลยสิ่งสำคัญนี้ สิ่งที่จะตามมาก็คือผลลัพธ์ทางธุรกิจที่น่ากังวล รายงาน “2023 Observability Forecast” เผยข้อมูลเชิงลึกที่ชวนให้ตระหนักถึงผลลัพธ์ทางธุรกิจขององค์กรที่ไม่มีระบบสังเกตการณ์

  • องค์กรส่วนใหญ่ประสบปัญหาทางการเงินหากไม่มีระบบสังเกตการณ์: ถึง 96% ของผู้ตอบแบบสำรวจยืนยันว่าการไม่มีระบบสังเกตการณ์ส่งผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรงต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจของพวกเขา
  • ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น: ผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดที่องค์กรเผชิญจากการไม่มีระบบสังเกตการณ์ คือ ต้นทุนด้านการดำเนินงานที่สูงขึ้น (29%) ซึ่งเกิดจากการต้องใช้ความพยายามในการควบคุมระบบมากขึ้น
  • สูญเสียรายได้จากการหยุดทำงาน: รองลงมา คือ การสูญเสียรายได้จากการหยุดทำงานที่เพิ่มขึ้น (23%) เนื่องจากไม่มีระบบสังเกตการณ์เพื่อตรวจจับและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

เพียง 3% ของผู้ตอบแบบสำรวจเท่านั้นที่คิดว่าการไม่มีระบบสังเกตการณ์จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจการยอมรับอย่างกว้างขวาง: ส่วนใหญ่ของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี (overwhelming majority) ยอมรับถึงบทบาทสำคัญของระบบสังเกตการณ์ต่อการดำเนินธุรกิจ

สรุป

การไม่มีระบบสังเกตการณ์ส่งผลด้านการเงินอย่างรุนแรง (“unequivocal” เน้นย้ำความชัดเจน)ผลกระทบหลายด้าน ผลกระทบไม่ใช่แค่การเงินแต่ยังบานปลายไปถึงมิติอื่น เช่น ชื่อเสียงและความสามารถในการแข่งขัน (“ripple effect” สะท้อนผลกระทบระลอกวง) ข้อความชัดเจนสำหรับผู้ตัดสินใจ ข้อมูลเหล่านี้ยิ่งมีความสำคัญต่อผู้ตัดสินใจ โดยสะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการนำระบบสังเกตการณ์มาใช้ระบบสังเกตการณ์ไม่ใช่ของหรูหราหรือเครื่องมือเสริม แต่เป็นสิ่งจำเป็น องค์กรจำเป็นต้องมอบอำนาจให้วิศวกรทุกคนทำงานกับข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDLC) เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ทางธุรกิจและแข่งขันในโลกดิจิทัลที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆไม่แค่หลีกเลี่ยงปัญหา แต่ขับเคลื่อนธุรกิจ การลงทุนในระบบสังเกตการณ์ไม่ใช่แค่ป้องกันปัญหา แต่ยังส่งเสริมประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และผลกำไรของธุรกิจ ผลตอบแทนที่จำเป็น การรายงาน “2023 Observability Forecast” ยืนยันว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนนี้ไม่เพียงแค่เป็นประโยชน์ แต่เป็นสิ่งจำเป็น

ข้อมูลจาก : https://newrelic.com/blog/nerdlog/insights-2023-observability-forecast

Naruemon Paengjaem
Naruemon Paengjaem