มาทำความรู้จัก Secure Access Service Edge (SASE) กัน

SASE

มาทำความรู้จัก Secure Access Service Edge (SASE) กัน

Secure Access Service Edge (SASE)

SASE คือการสร้างการใช้งานระบบ Cloud อย่างมั่นคงปลอดภัยให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น โดย SASE จะให้บริการแนวทางในการออกแบบ เพื่อลดวิธีการแบบดั้งเดิมที่ใช้การปะติดปะต่อโซลูชันด้านเครือข่ายและความมั่นคงปลอดภัย เช่น SD-WAN, Firewall, IPS มาผสมเข้าด้วยกันซึ่งยากต่อการบริหารจัดการ และแทนที่ด้วยบริการ SD-WAN ระดับโลกที่มีความมั่นคงปลอดภัย

SASE จะสามารถช่วยองค์กรต่างๆ ในการลดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนและกระจัดกระจาย ลดความเสี่ยงจากการละเมิดและการสูญหายของข้อมูลเพราะมีรูปแบบการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม และสามารถเปิดใช้งานการทำงานที่ปลอดภัยได้จากทุกที่

พูดง่ายๆ ก็คือ SASE ได้รวมความสามารถ SD-WAN เข้ากับความปลอดภัยและส่งมอบออกมาในรูปแบบของการให้บริการ (Service) นโยบายความปลอดภัยที่บังคับใช้ในเซสชันของผู้ใช้งานนั้นได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละปัจจัยตามปัจจัย 4 ประการ:

  • ลักษณะเฉพาะของตัวตนที่กำลังเชื่อมต่อ
  • บริบท (สุขภาพและพฤติกรรมของอุปกรณ์ที่กำลังเข้าใช้งาน ความอ่อนไหวของทรัพยากรที่กำลังถูกเข้าถึง)
  • นโยบายด้านความปลอดภัยและด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนด
  • การประเมินความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องในแต่ละช่วงของ Session การใช้งาน

ด้าน WAN ของ SASE นั้นอาศัยความสามารถที่จัดหานำเสนอให้โดยหน่วยงาน (Entities) ซึ่งรวมถึงผู้ให้บริการ SD-WAN ผู้ให้บริการการสื่อสาร (Carriers)  เครือข่ายในการส่งเนื้อหาข้อมูล (Content-delivery networks)   ผู้ให้บริการแบบ network-as-a-service ผู้ให้บริการรวมแบนด์วิดท์ (bandwidth aggregators) และผู้จำหน่ายอุปกรณ์เครือข่าย

ส่วนประกอบสำคัญของ SASE

Components of SASE

Software-Defined WAN (SD-WAN)

SD-WAN ช่วยให้การจัดการ WAN มีประสิทธิภาพสูงสุด SASE ใช้ประโยชน์จากความสามารถของ SD-WAN เพื่อให้การกำหนดเส้นทางเครือข่ายที่เหมาะสมที่สุด การเชื่อมต่อทั่วโลก ความปลอดภัยของ WAN และอินเทอร์เน็ต การเร่งความเร็วบนคลาวด์ และการเข้าถึงระยะไกล

Firewall as a Service (FWaaS)

Firewall เป็นรากฐานของการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย SASE รวม FWaaS เพื่อมอบความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่นที่จำเป็นสำหรับธุรกิจดิจิทัล และเพื่อขยาย Stack ความปลอดภัยเครือข่ายเต็มรูปแบบในทุกที่ที่ต้องการ

Zero-Trust Network Access (ZTNA)

ZTNA นำเสนอวิธีการที่ทันสมัยในการรักษาความปลอดภัยการเข้าถึงแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้ มีนโยบาย Zero-Trust ซึ่งการเข้าถึงแอปพลิเคชันจะปรับเปลี่ยนแบบไดนามิกตามข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้ ตำแหน่ง ประเภทอุปกรณ์ และอื่นๆ

Cloud Access Security Broker (CASB)

CASB ช่วยให้องค์กรปรับตัวเข้ากับภัยคุกคามใหม่ที่มาพร้อมกับการประมวลผลแบบคลาวด์ เมื่อส่งมอบเป็นส่วนหนึ่งของบริการ SASE ความซับซ้อนของการบูรณาการ CASB กับโซลูชันการรักษาความปลอดภัยจุดอื่นๆ จะหมดไป

Data Loss Prevention (DLP)

DLP ช่วยให้องค์กรปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและหลีกเลี่ยงการละเมิดข้อมูลด้วยการกำหนดนโยบายแบบละเอียดซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของข้อมูลเข้าและออกจากแอปพลิเคชันระบบคลาวด์ 

Cato DLP ผสานรวมกับบริการ Cato SASE อย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการปรับใช้และการจัดการ

Secure Web Gateway (SWG)

โซลูชัน SWG ปกป้องผู้ใช้จาก Malware Phishing และภัยคุกคามทางเว็บอื่นๆ SASE เสนอการป้องกัน SWG ให้กับผู้ใช้ทุกคน ในทุกสถานที่ และลดความจำเป็นในการรักษานโยบายในโซลูชันหลายจุด

Unified Management

SASE แก้ปัญหาความซับซ้อนในการจัดการผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันหลายรายการ SASE ที่แท้จริงช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและจัดการเครือข่ายและโซลูชั่นความปลอดภัยทั้งหมดได้จากภายในหน้าเดียว

อะไรคือความแตกต่างระหว่างโซลูชันแบบจุด (SD-WAN, NGFW, SWG, VPN) และ SASE

โซลูชันแบบจุด เช่น SD-WAN, NGFW, SWG และ VPN ระบุข้อกำหนดเครือข่ายและความปลอดภัยเฉพาะ ความจำเป็นในการซื้อ ขนาด ปรับขนาด และบำรุงรักษาแต่ละโซลูชันแยกกัน ทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีมีความซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง SASE เป็นทางเลือกที่เปลี่ยนรูปแบบเทคโนโลยีแบบเดิมๆ ให้บริการเป็นบริการคลาวด์แบบกระจายทั่วโลกที่มาแทนที่โซลูชันแบบจุด

ทำไมต้องมี SASE

ผู้ใช้งานระยะไกลมักเชื่อมต่อผ่าน VPN และต้องใช้ไฟร์วอลล์ที่ติดตั้งในสถานที่นั้นๆ หรือในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง ทำให้ต้องทำการตรวจสอบสิทธิ์กับระบบรักษาความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ที่ให้สิทธิ์การเข้าถึง ทำให้เกิดความซับซ้อนและความล่าช้า

ด้วยการใช้ SASE ผู้ใช้งานและอุปกรณ์สามารถได้รับการตรวจสอบสิทธิ์และเข้าถึงทรัพยากรทั้งหมดที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงได้อย่างปลอดภัยโดยระบบรักษาความปลอดภัยที่อยู่ใกล้ เมื่อผ่านการตรวจสอบสิทธิ์แล้วจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรได้โดยตรง จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความซับซ้อนและล่าช้า

ทำไม SASE ถึงสำคัญ

SASE มีความสำคัญเนื่องจากการรวมเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยของ SASE ที่เข้ากับบริการคลาวด์ ช่วยให้ทีมไอทีสามารถเชื่อมต่อและรักษาความปลอดภัยให้กับที่ตั้งธุรกิจและผู้ใช้ทั้งหมดในรูปแบบที่คล่องตัว คุ้มค่า และสามารถปรับขนาดได้

SASE มีความปลอดภัยแค่ไหน

SASE มีความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง การสื่อสารทั้งหมดที่ผ่านแพลตฟอร์ม SASE จะถูกเข้ารหัส 

SASE ยังมีความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามรวมถึงการถอดรหัส Firewall , การกรอง URL , Antimalware และ IPS และยังพร้อมใช้งานทั่วโลกสำหรับ Edge ที่เชื่อมต่อทั้งหมด

ประโยชน์ของ SASE

1. ลดต้นทุน

โมเดลการรักษาความปลอดภัยแบบเดิมส่วนใหญ่จะประกอบด้วยโซลูชันจำนวนมาก ทำให้การบำรุงรักษามักจะมีราคาแพงโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบำรุงรักษาศูนย์ข้อมูล แต่การใช้ประโยชน์จาก SASE บนคลาวด์ช่วยให้บำรุงรักษาง่าย ลดภาระเวลาทรัพยากรอันมีค่า และเป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนมากกว่าในการปกป้องเครือข่ายบริษัทของคุณ

2. ความสามารถในการขยายเครือข่าย

เมื่อเทียบกับโซลูชันแบบเดิม โซลูชันความปลอดภัย SASE บนคลาวด์มีความยืดหยุ่นมากกว่า ดังนั้นการปรับขนาดสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และทั่วทั้งองค์กร ไม่ว่าบริษัทจะพัฒนาหรือเติบโตมากเพียงใด โซลูชัน SASE จะปรับให้เข้ากับข้อกำหนดเหล่านั้น

3. ใช้งานง่ายและจัดการ

ประโยชน์หลักข้อหนึ่งของ SASE คือความง่ายในการจัดการและบำรุงรักษา ด้วยลักษณะของโซลูชัน SASE ที่ทำงานบนคลาวด์ ผู้ดูแลระบบไอทีของอค์กรสามารถควบคุมบริการทั้งหมดได้จากที่เดียว นอกจากนี้ เมื่อเครือข่ายของบริษัทเติบโตขึ้น ความสามารถในการควบคุมและการจัดการยังคงเหมือนเดิม 

4. เวลาและทรัพยากรของผู้ดูแลระบบน้อยลง

ผู้ดูแลระบบไอทีมักใช้เวลาส่วนมากไปกับงานบำรุงรักษาที่ใช้เวลานานโดยไม่จำเป็น ความซับซ้อนของเครือข่ายในระดับต่ำที่เกี่ยวข้องกับโซลูชัน SASE บนคลาวด์ไม่ใช่แค่ทีมไอทีเท่านั้น แต่พนักงานทั้งหมดจะสามารถใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หากมีโซลูชันที่เข้าใจง่ายและใช้งานง่าย

5. การรักษาความปลอดภัยแบบ Edge-to-edge

โดยทั่วไปแล้วโซลูชัน SASE จะมีฟังก์ชันการทำงาน เช่น Secure Web Gateway (SWG) และ Next-Generation Firewall (NGFW) ในฐานะโซลูชันบนคลาวด์ SASE ให้การป้องกันที่ครอบคลุมและการมองเห็นที่สมบูรณ์ไปยังขอบเครือข่ายที่ไกลที่สุดขององค์กร

6. โมเดลความปลอดภัยอย่างง่าย

โซลูชันเครือข่ายแบบเดิมจำเป็นต้องมีการ Update เป็นประจำเพื่อให้ทันกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา SASE จัดการกับปัญหาเช่นนี้ผ่าน Firewall-as-a-Service (FWaaS) ซึ่งมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัย เช่น การกรอง URL, Intrusion Prevention System (IPS), การป้องกัน Malware และ Firewall ที่ติดตั้งอยู่ในโครงสร้างพื้นฐาน FHaaS จุดมุ่งหมายคือการตรวจจับและกำหนดเป้าหมายความพยายามในการเข้าถึงเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต FHaaS เสริมความปลอดภัยเครือข่ายใช้การป้องกันภัยคุกคามขั้นสูง และมุ่งเน้นที่การตรวจสอบและกรองการรับส่งข้อมูลขาเข้าและขาออกทั้งหมดที่สร้างโดยผู้ใช้ระยะไกล

7. การปกป้องข้อมูล

การรวบรวม จัดเก็บ และแบ่งปันข้อมูลเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปสำหรับองค์กรทุกขนาดในปัจจุบัน เนื่องจากภัยคุกคามจากการรั่วไหลของข้อมูลได้เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ การปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเรียกว่าการป้องกันข้อมูลสูญหาย (DLP) 

SASE ลดความจำเป็นในการใช้เครื่องมือหลายอย่างในการปกป้องข้อมูลนี้โดยทำให้กระบวนการ DLP ต่างๆ เป็นไปโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาและการจัดหมวดหมู่ตำแหน่งที่จัดเก็บข้อมูล ข้อมูลที่ใช้ หรือข้อมูลที่อยู่ระหว่างการส่งผ่าน นอกจากนี้ยังใช้มาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อช่วยควบคุมว่าใครกำลังเข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรในเวลาใดก็ตาม

8. เพิ่มความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพ

SASE จะตรวจสอบข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเครือข่ายแบบเรียลไทม์ (โดยปกติมาจากแผงควบคุมส่วนกลาง) SASE ช่วยให้พนักงานสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้อย่างปลอดภัยไม่ว่าจะอยู่ที่ใด

9. เพิ่มการมองเห็นเครือข่าย

การประเมินภัยคุกคามต่อความสมบูรณ์ของเครือข่ายของบริษัทในทันทีเป็นกระบวนการที่จำเป็นแต่ยุ่งยาก 

การย้ายไปยัง SASE ที่สร้างขึ้นจากความสามารถ Zero-Trust ช่วยให้มองเห็นได้อย่างละเอียด ให้ความโปร่งใสและการควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายขององค์กรมากขึ้น การมองเห็นกิจกรรมเครือข่ายอย่างสมบูรณ์จะช่วยเน้นจุดอ่อนด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

10. เข้าถึงข้อมูลบนคลาวด์ได้อย่างปลอดภัย

องค์กรจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาเก็บข้อมูลที่สำคัญที่สุดไว้ภายใต้การล็อกและกุญแจ SASE ทำงานร่วมกับ Cloud Access Security Broker (CASB) ร่วมกันสร้างโซลูชันขนาดกะทัดรัดที่ช่วยรักษาการเข้าถึงข้อมูล แอปพลิเคชัน และทรัพยากรที่สำคัญได้อย่างปลอดภัย

ฟังก์ชันเครือข่ายและความปลอดภัยใช้ CASB สำหรับการกำกับดูแลความปลอดภัยเป็นเครื่องมือซอฟต์แวร์ความปลอดภัยของบุคคลที่สามที่ทำงานเป็นคนกลางระหว่างแอปพลิเคชันระบบคลาวด์และผู้ใช้บริการระบบคลาวด์ CASB ตรวจสอบธุรกรรมบริการที่ดำเนินอยู่และบังคับใช้การดำเนินการใดๆ รวมถึงนโยบายความปลอดภัย เพื่อรักษาฟังก์ชันการรักษาความปลอดภัยที่ดี

11. การรักษาความปลอดภัยและการกำหนดเส้นทางแบบบูรณาการ

SASE รวมโซลูชันการรักษาความปลอดภัยหลายรายการไว้ในบริการเดียว SASE ไม่ได้จำกัดเฉพาะส่วนประกอบจำนวนหนึ่งเท่านั้น  การรวมกันของคุณสมบัติเพิ่มเติมสามารถช่วยปรับปรุงระดับความปลอดภัยของแนวทาง ซึ่งรวมถึง SD-WAN, SWG, FHaaS, CASB และ ZTNA

การผสานรวมกับการกำหนดเส้นทางช่วยให้มั่นใจได้ว่าการรับส่งข้อมูลของบริษัทมีความปลอดภัย เข้ารหัส และกำหนดเส้นทางอย่างเพียงพอ 

องค์กรที่สนใจ SASE สามารถติดต่อกับเราได้ทางบริษัท Monster connect

ผ่านช่องทาง โทร 02-026-6665 หรือ Line: @monsterconnect ได้ 24 ชั่วโมง

Chotika Sukeepap
Chotika Sukeepap